เมนู

จตุตถวรรค


วัณณภณนปัญหา ที่ 1


ภนฺเต นาคเสน ภาสิตํปิ เจตํ ภควตา มมํ วา ภิกฺขเว ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ ธมฺมสฺส
วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานฺนโท น โสมนสฺสํ น เจตสา ขุพฺพิลาวิคตํ
กรณียนฺติ.

อถโข มิลินฺโท ราชา

ในลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชาชาวสาคลรัฐ มี
พระราชโองการดำรัสถามอรรถปัญหากะพระนาคเสนต่อไปว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ
นาคเสนผู้เป็นเจ้าประกอบด้วยญาณปรีชา ภาสิตํปิ เจตํ ภควตา ถ้อยคำอันนี้ สมเด็จพระ
พุทธองค์ผู้ทรงสุนทรราศีสวัสดิภาค หากมีพระพุทธฎีกาตรัสพระสัทธรรมเทศนาว่า ภิกฺขเว
ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันว่าชนทั้งหลายเหล่าอื่นจะพึงภาษิตกล่าวสรรเสริญ
ซึ่งคุณแห่งเราผู้ตถาคตก็ดี แห่งพระธรรมพระสงฆ์ก็ดี ท่านทั้งหลายอย่าพึงยินดีโสมนัส อย่า
พึงมีจิตกำเริบด้วยอาการคือความสรรเสริญนั้น ใช่แต่เท่านั้น แม้ในพรหมชาลสูตร สมเด็จ
พระผู้ทรงพระภาคก็ได้ตรัสเทศนาสั่งสอนพระภิกษุทั้งหลาย ในกาลเมื่อพระองค์เสด็จไปสู่
ระหว่างแห่งเมืองราชคฤห์กับเมืองนาลันทาต่อวัน ครั้งนั้นก็ทรงสั่งสอนห้ามมิให้ภิกษุทั้งหลาย
ยินดียินร้ายในนินทาและสรรเสริญ และซ้ำสอนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่านทั้งหลายมีจิตชื่นชม
ยินดี ในถ้อยคำที่ชนทั้งหลายกล่าวสรรเสริญซึ่งเราผู้ตถาคตก็ดี และยินดีโสมนัสในถ้อยคำที่เขา
กล่าวสรรเสริญพระธรรมพระสงฆ์ก็ดี อันตรายจะพึงมีแก่ธรรมวิเศษ คือฌานสมาบัติมรรคผล
ที่ท่านทั้งหลายจะพึงได้โดยแท้ นี่แหละสมเด็จพระศาสดาตรัสเทศนาห้ามปรามพระสงฆ์พุทธ-
บริษัทมิให้ยินดีโสมนัสในความสรรเสริญแล้ว ครั้นภายหลังเสลพราหมณ์ไปเฝ้า พระ
ผู้ทรงพระภาคเจ้ามีพระพุทธฎีกาตรัสสรรเสริญคุณของพระองค์ให้เสลพราหมณ์ฟัง อานนฺทิโต
มีน้ำพระทัยชื่นชมยินดีที่จะสรรเสริญ กำเริบที่จะสรรเสริญเอง และยกพระองค์ว่าเป็นพระ
ยาธรรมราช อนุตฺตโร ว่ายิ่งหาสิ่งที่จะเสมอมิได้ โดยยังพระธรรมจักรให้เป็นไปคือตรัสพระ
ธรรมเทศนาโปรดเวไนยนิกรมนุษย์เทพยดา โลเก อปฺปติวตฺติยํ หาผู้ใดในโลกนี้จะปูนปาน
ดุจพระองค์มิได้ นี่แหละพระพุทธองค์มาสรรเสริญพระองค์เองดังนี้ ถ้าจะเชื่อเอาพระพุทธฎีกา
เดิมที่ตรัสว่าคนทั้งปวงสรรเสริญพระตถาคตและสรรเสริญพระธรรมพระสงฆ์ก็ดี ท่านทั้งปวง
อย่ายินดี อย่าให้จิตกำเริบไปในที่สรรเสริญนั้น ถ้าจะเชื่อคำเดิมนี้ คำภายหลังที่พระองค์ตรัส
สรรเสริญพระองค์ให้เสลพราหมณ์ฟังนั้นก็ผิด ครั้นจะเชื่อเอาว่าพระองค์สรรเสริญพระองค์ว่า
เป็นถึงพระยาธรรมราช ไม่มีใครทั่วทั้งมนุษย์เทพาฟ้าดินที่จะเปรียบเสมอเหมือนหามิได้ พระ
พระพุทธฎีกาตรัสไว้เดิมว่า ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ทั้งปวง คนทั้งหลายจะสรรเสริญตถาคตก็ดี จะ

สรรเสริญพระธรรมพระสงฆ์ก็ดี ท่านทั้งหลายอย่าปรีดาปราโมทย์ด้วยสรรเสริญ อย่าให้จิต
กำเริบที่จะสรรเสริญตัว และอย่างให้ผู้อื่นสรรเสริญตัวเลย คำนี้ก็ผิด ส่วนสมเด็จพระพิชิต
มารตรัสอวดอ้างยกพระองค์เป็นอัครฐานเป็นถึงพระยาธรรมราช แล้วให้โอวาทพระภิกษุทั้ง
หลายมิให้กระทำจิตวุ่นวายในความสรรเสริญ กำเริบในความสรรเสริญเป็นอย่างไรจึงกระทำฉะนั้น
อยํ ปญฺโห อันว่าปัญหานี้ อุภโต โกฏิโก เป็นอุภโตโกฏิ ตยา วิสชฺชิโต พระผู้เป็นเจ้าได้โปรด
วิสัชนาในกาลบัดนี้
เถโร ฝ่ายพระนาคเสนผู้ประกอบด้วยญาณปฏิสัมภิทา จึงมีเถรวาจาวิสัชนาว่า มหาราช
ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร คำเดิมที่สมเด็จพระโลกุตตมาจารย์ มีพระพุทธฎีกา
ประทานโอวาทแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ถ้าชนทั้งหลายจะสรรเสริญตถาคตก็ดี และสรรเสริญ
พระธรรมพระสงฆ์ก็ดี ท่านอย่ายินดีในความสรรเสริญ อย่าให้เขาสรรเสริญตัวท่าน
และท่านอย่าดูอย่าง อย่างได้ทำจิตคิดกำเริบที่จะสรรเสริญตัวและให้ผู้อื่นสรรเสริญท่าน สมเด็จ
พระโลกุตตมาจารย์ให้โอวาทฉะนี้ และข้อที่ว่า สมเด็จพระศาสดาจารย์เจ้ากล่าวสรรเสริญคุณ
ของพระองค์อันเป็นยถาภูตะ คือคุณมีจริงเป็นอุตตริยิ่งว่า อหมสฺมิ ทุกวันนี้พระตถาคตเป็น
พระยาธรรมราชอันเลิศนักหนา ตรัสเทศนาพระธรรมจักร โปรดเวไนยสัตว์ทั่วมนุษย์นิกร
เทวดา โลเก อปฺปติวตฺติยํ หาใครผู้ใดที่จะปูนปานเปรียบเทียบมิได้นี้ก็ดี พระองค์จะตรัสเพื่อ
จะให้เกิดลาภเกิดยศ และปรารถนาจะให้เขาอื่นนับถือ มอบตัวเข้ามาเป็นศิษย์แสวงหาบริวารก็
หามิได้ พระองค์ตรัสด้วยอำนาจมีพระทัยอนุเคราะห์ กรุณาเอื้อเฟื้อหวังไว้เป็นประโยชน์แก่สัตว์
ทั้งหลาย พระองค์ทรงทราบโดยแน่แท้ในพระกมลสันดานว่า เมื่อพระองค์ตรัสนั้น ความตรัส
รู้ธรรมาภิสมัยแทงตลอดไญยธรรมทั้งปวง จักบังเกิดมีแก่เสลพราหมณ์และมาณพ 300 คน
พระองค์จึงตรัสว่า ดูกรเสลพราหมณ์ ตถาคตนี้ อนุตฺตโร เป็นผู้ยิ่งประเสริฐเลิศล้ำ ธมฺมราชา
ตถาคตเป็นพระธรรมราช ด้วยพระธรรมราชย่อมประภาษสั่งสอนประชาราษฎร ด้วยกำหนด
กฎฎีกาอันเป็นธรรมฉันใด ตถาคตนี้เลิศไปกว่านั้น ตรัสสั่งสอนมนุษย์นิกรและชาวสวรรค์
ด้วยธรรมจักกัปปวัตตนสูตร พระตถาคตนี้ประเสริฐนัก หาผู้ใดใครจะเสมอเหมือนหามิได้ใน
โลกนี้นี่แหละสมเด็จพระพิชิตมารโมลีนีมีพระพุทธฎีกาตรัสฉะนี้เพื่อว่าจะให้เสลพราหมณ์กับมาณพ
300 คน ได้รู้มรรครู้ผลธรรมวิเศษฉะนี้ จึงตรัสสรรเสริญพระองค์ ใช่จะนำซึ่งความมิจริง
มาตรัสด้วยหวังลาภยศและบริวารหามิได้ ขอถวายพระพร
สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นประชากรได้ทรงฟังก็สิ้นสงสัยทรงพระโสมนัส มีพระราชโอง
การตรัสว่า สาธุ ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชา พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาดีแล้ว

สมฺปฏิจฺฉามิ โยมจะรับถ้อยคำของพระผู้เป็นเจ้าจำไว้ เป็นข้อวัตรปฏิบัติแก่กุลบุตรทั้งหลาย
ัอันเกิดมาในอนาคตกาลภายภาคหน้าในกาลบัดนี้
วัณณภณปัญหา คำรบ 1 จบเท่านี้

อหิงสานิคคหปัญหา ที่ 2


ราชา

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามว่า ภนฺเต
นาคเสน
ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าผู้ประกอบด้วยปรีชา สมเด็จพระบรมโลกนาถศาสดาจารย์
เจ้ามีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านจงมีความรักความเอ็นดูสัตว์โลกนี้แล
วโร ประเสริฐ ตรัสฉะนี้แล้ว ครั้นมามีพระพุทธฎีกาตรัสเล่าว่า ภิกฺขเว ดูกรภิกษุทั้งหลายโลก
ทั้งปวงควรจะข่มขี่ ตถาคตก็ข่มขี่ ควรจะยกย่อง ตถาคตก็ยกย่อง นี่แหละพระผู้เป็นเจ้า นิคฺคโห
ธรรมดาว่าควรที่จะข่มขี่ก็ให้ข่มขี่ หตฺถเฉชฺชํ ควรที่จะตัดมือให้ตัดมือ ปาทเฉชฺชํ ควรจะตัดเท้าก็
ตัดเท้า ควรจำจองก็จำจอง ควรจะฆ่าก็ฆ่าให้ตาย ธรรมดาจะข่มขี่คนทั้งหลายก็ต้องกระทำดังนี้
พระองค์มีพระพุทธฎีกาว่า ควรจะข่มขี่ให้ข่มขี่นั้น โยมนี้เห็นไม่ควรนักหนา สมเด็จพระศาสดา
ไม่ควรจะตรัสฉะนี้ แม้จะเชื่อเอาพระพุทธฎีกาที่ตรัสไว้แต่เดิมว่า อย่าเบียดเบียนสัตว์ ให้รัก
สัตว์เอ็นดูสัตว์ในโลกนี้ คำภายหลังที่พระองค์ตรัสว่า โลกควรจะข่มขี่ให้ข่มขี่ ควรจะยกย่อง
ให้ยกย่องดังนี้ จะมิผิดหรือ ครั้นจะเชื่อเอาพระพุทธฎีกาภายหลังที่ว่าควรจะข่มขี่ให้ข่มขี่ พระ
พุทธฎีกาที่ตรัสมาแต่เดิมนั้นก็จะผิด อยํ ปญฺโห อันว่าปัญหานี้ อุภโต โกฏิโก เป็นอุภโตโกฏิ
นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าโปรดวิสัชนาไปในกาลบัดนี้
เถโร ฝ่ายพระนาคเสนผู้พระอรหันต์อันวิเศษประเสริฐด้วยญาณปฏิสัมภิทา จึงมีเถร-
วาจาว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ซึ่งพระพุทธฎีกาตรัสไว้แต่เดิมว่า ดูกร
ภิกษุท่านจงสมัครรักใคร่สัตว์ เอ็นดูสัตว์ อย่าเบียดเบียนสัตว์โลกนี้ วโร นี่แหละอุดมล้ำเลิศ
ประเสริฐยิ่งนัก ครั้นแล้วยังมีพระพุทธฎีกาว่า สัตว์โลกนั้นควรจะข่มขี่ ควรจะยกย่องให้
ยกย่อง พระพุทธฎีกานี้จะเป็นสองหามิได้ และคำที่ว่าให้สมัครรักใคร่สัตว์ทั้งหลาย นี่แหละ
สมเด็จพระมหากรุณาเจ้าตรัสตามอธิบาย สมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อน ให้โอวาท
ความสั่งสอนสืบกันมา มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ ชื่อว่าธรรม
นั้นมีลักษณะมิได้มีวิหิงสาสัตว์ นี้เป็นคำอันจริงแท้ ไม่มีผิดเลย มหาราช ขอถวายพระ